คำถวายกฐินต่อที่ประชุมสงฆ์ มีคำว่า อิมํ
สปริวารํ กฐินจีวร ทุสสํ
สงฺฆสฺ
ส โอโณชยาม แปลว่า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวร
กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระสงฆ์ ท่านทั้งหลายจงสังเกตคำว่า สปริวารํ ซึ่งแปลว่า กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้
มีอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ผ้าหม่พระประทาน
บาตรพร้อมด้วยบริขาร ร่ม รองเท้า ย่าม พัดรอง มุ้ง หมอน เสื่อ ผ้าห่ม ปิ่นโต กาน้ำ
เลื่อย ขวาน สิ่ว กบ ค้อน
ปัจจัยสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบริวารของกฐินไม่ใช่เป็นตัวกฐินที่แท้จริงแต่อย่างใด
หัวใจของกฐิน คือ ผ้า 3 ผืน คือ จีวร
สบง สังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่ง หนึ่งในไตรจีวร ถ้ามากกว่านี้เป็น
อดิเรกจีวร หรือผ้าส่วนเกินเท่านั้น
ดั้งนั้นการถวายผ้ากฐิน
เป็นการนำผ้ามาถวายแก่พระสงฆ์ในเขตที่กำหนดไว้เท่านั้นเลยเวลาไปไม่ได้
ที่กล่าวมาคิดว่าท่านผู้สนใจในการทอดกฐินทั้งหลายคงจะได้เข้าใจได้ว่าวัดที่จะรับกฐินได้จะต้องมีพระอยู่จำพรรษาจำนวน
5 รูปหรือ 5 รูปขึ้นไป จึงจะเป็นกฐิน และจะต้องรับกฐินที่อาวาสของตัวเองเท่านั้นจึงจะถูกต้อง
พระรูปเดียวที่จำพรรษาอยู่ในอาวาสหนึ่งอาวาสใด
ถ้ารับกฐินก็จะเรียกว่ารับกฐินไม่ได้ เพราะว่าไม่ครบองค์สงฆ์ หรือมีการทอดกฐินกันจำนวนร้อยวัดแต่กับไปถวายอยู่วัดเดียว
โดยให้พระที่จำพรรษามารับที่วัดอื่นอันมิใช่อาวาสที่จำพรรษาของตัวเองยิ่งผิด
ผ้าเป็นนิสัคคีย์ พระที่ใช้ผ้าเป็นอาบัติปาจิตตีย์ อนิสงส์กฐินไม่ขึ้นเป็นแต่เพียงผ้าป่า แต่ก็ผิดพุทธานุญาตผิดวัตถุประสงค์ ขอให้ท่านสาธุชนทั้งหลายพึงสังเกตให้ดี
และเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
จะอ้างว่าเป็นประเทศปลายแดนไม่ได้
ถ้าเป็นผ้าป่าได้ก็ไม่เสียหายอะไร
เพียงแต่ทำให้ถูกต้องตามพุทธประสงค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราก็บริสุทธิ์แล้ว