วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

ธงชัย หรือเครื่องหมายของพระอรหันต์







จีวร ถือว่าเป็นธงชัย หรือเครื่องหมายของพระอรหันต์ มีหลักฐานปรากฏในพระคัมภีร์
อุบาลีเถราปทาน ว่า 

“บุคคลเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ที่ (แม้) เปื้อนอุจจาระที่ถูกทิ้งไว้ตามถนนหนทาง ก็ควรประนมมือไหว้ผ้านั้น อันเป็นธงชัยของพระอริยเจ้า ด้วยเศียรเกล้า”



"งามจริงดังทองห่อหุ้มกายา  เครื่องหมายปัญญาของผู้เห็นภัยในสังสาร

ผ้าปลอดกังวล  จากเครื่องพันธนาการ"

 

ไทยธรรมที่ถวายในกฐิน

ไทยธรรม คือ เครื่องที่ใช้เป็นบริขารสำหรับถวายเป็นบริวารของกฐิน  ในครั้งพุทธกาล ไม่ปรากฏว่ามีผู้รู้บางท่านมุ่งประโยชน์พระวินัยโดยตรง  จึงนำแต่ผ้าไปถวายเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วจึงไปจัดการฉลองกาลท่านภายหลัง แต่บัดนี้เป็นที่นิยมกันทั่วไปว่าการทอดถวายกฐิน จะต้องมีบริวารบริขารด้วย จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับศรัทธาของผู้ถวาย หรือบางทีก็เป็นปัจจัย เพื่อที่จะได้นำไปก่อสร้างซ่อมแซมให้พอแก่การใช้ประโยชน์

บริขารมีดังนี้

-          ผ้าไตร

-          ผ้าหม่พระพุทธรูปที่เป็นพระประธานและพระสาวก

-          บาตรพร้อมด้วยถลกฝาและเชิง

-          เข็ม ด้าย มีดโกน หินลับมีด กระบอกกรองน้ำ (ธัมการก)

-          พัดรอง

-          ผ้าห่มนอน

-          สำรับคาวหวาน

-          น้ำเย็น น้ำร้อน

-          กระโถน

-          เทียนสำหรับจุดสวดปาติโมกข์ตลอดปี 25 เล่ม ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองหนใช้ 26 เล่ม

-          หมอน

-          มุ่ง

-          เสื่อหรือพรม

-          ยาบำบัดโรค

-          เครื่องเหล็ก  เช่น เลื่อย ขวาน สิ่ว กบ ค้อน

ส่วนพระคู่สวด และพระอันดับจะจัดถวายอย่างไร ก็ไม่มีกำหนดตามแต่ศรัทธาจะถวาย เมื่อนิยมว่ามีบริขารเป็นบริวารแล้วนั้น ก็มีทั้งส่วนที่เป็นลหุภัณฑ์ ทั้งส่วนที่เป็นครุภัณฑ์ ส่วนลหุภัณฑ์นั้นไม่มีปัญหายุ่งยากอะไร เพราะมีพระบรมพุทธานุญาตให้สงฆ์แจกกันได้ เมื่อสงฆ์แจกไปแล้วก็ตกเป็นของบุคคลไปตามจำนวน ส่วนครุภัณฑ์นั้นมีปัญหามากเพราะมีพระวินัยห้ามไว้ไม่ให้แจกกัน (เป็นอวิชชิยฺสล สละแจกไม่ได้  อเวภงฺคิย แจกไม่ได้แม้แจกไปแล้วก็ไม่เป็นอันแจก ถ้าขืนแจกก็เป็นอาบัติมีโทษแก่ทัน

จากหนังสือ  กฐิน วัดป่าเจริญราชธรรมาราม  รวบรวมและเรียบเรียงโดย วีรนนฺโท ภิกขุ


วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

ความหมายของคำถวายผ้ากฐิน

            อานิสงส์กฐิน  หมายถึง  ผล หรือประโยชน์ที่พึงได้รับจากการรับกฐิน และกรานกฐิน เมื่อพระภิกษุได้กรานกฐินถูกต้องแล้ว ได้ทรงลดหย่อนพระวินัยให้เป็นประโยชน์พิเศษ สำหรับอานิสงส์การกรานกฐิน 5 อย่าง ดังนี้ คือ

1.      อนามนฺตจาโร           เที่ยวไปไม่ต้องบอกลา ตามสิกขาบทที่ 1 แห่งอเจลกวรรค

2.      อสมาทานจาโร         เที่ยวไปไม่ต้องเอาผ้าไตรจีวรไปครบสำรับ

3.      คณโภชนัง               ฉันคณโภชน์ได้ (นั่งล้อมวงฉันได้)

4.      ยาวตฺถ  ติเรกจีวรัง     เก็บอติเรกจีวรได้ไว้ตามปรารถนา

5.      โย จ ตตฺถ จีวรุปปาโท โส เนสัง ภวิสฺสติ            มีสิทธิในจีวรที่เกิดในที่นั้น เป็นของควรได้แก่พระภิกษุผู้กรานกฐิน  และต้องได้รับฉันทานุมัติจากหมู่สงฆ์ในที่นั้น  ให้เป็นผู้รับและครองผ้าได้ ทั้งได้โอกาสขยายจีวรกาลออกไปได้อีกรวมเป็น 4 เดือน ตลอดเหมันต์ฤดู


จากหนังสือ  กฐิน วัดป่าเจริญราชธรรมาราม  รวบรวมและเรียบเรียงโดย วีรนนฺโท ภิกขุ


วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

ความหมายของคำถวายผ้ากฐิน

คำถวายกฐินต่อที่ประชุมสงฆ์  มีคำว่า อิมํ สปริวารํ กฐินจีวร ทุสสํ งฺฆสฺ โอโณชยาม  แปลว่า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระสงฆ์  ท่านทั้งหลายจงสังเกตคำว่า สปริวารํ  ซึ่งแปลว่า กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ มีอุปกรณ์ต่าง ๆ  เช่น ผ้าหม่พระประทาน บาตรพร้อมด้วยบริขาร ร่ม รองเท้า ย่าม พัดรอง มุ้ง หมอน เสื่อ ผ้าห่ม ปิ่นโต กาน้ำ เลื่อย ขวาน สิ่ว กบ ค้อน ปัจจัยสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบริวารของกฐินไม่ใช่เป็นตัวกฐินที่แท้จริงแต่อย่างใด หัวใจของกฐิน คือ ผ้า 3 ผืน  คือ จีวร  สบง  สังฆาฏิ  ผืนใดผืนหนึ่ง หนึ่งในไตรจีวร ถ้ามากกว่านี้เป็น อดิเรกจีวร หรือผ้าส่วนเกินเท่านั้น
            ดั้งนั้นการถวายผ้ากฐิน  เป็นการนำผ้ามาถวายแก่พระสงฆ์ในเขตที่กำหนดไว้เท่านั้นเลยเวลาไปไม่ได้  ที่กล่าวมาคิดว่าท่านผู้สนใจในการทอดกฐินทั้งหลายคงจะได้เข้าใจได้ว่าวัดที่จะรับกฐินได้จะต้องมีพระอยู่จำพรรษาจำนวน 5 รูปหรือ 5 รูปขึ้นไป จึงจะเป็นกฐิน และจะต้องรับกฐินที่อาวาสของตัวเองเท่านั้นจึงจะถูกต้อง พระรูปเดียวที่จำพรรษาอยู่ในอาวาสหนึ่งอาวาสใด ถ้ารับกฐินก็จะเรียกว่ารับกฐินไม่ได้ เพราะว่าไม่ครบองค์สงฆ์  หรือมีการทอดกฐินกันจำนวนร้อยวัดแต่กับไปถวายอยู่วัดเดียว โดยให้พระที่จำพรรษามารับที่วัดอื่นอันมิใช่อาวาสที่จำพรรษาของตัวเองยิ่งผิด ผ้าเป็นนิสัคคีย์  พระที่ใช้ผ้าเป็นอาบัติปาจิตตีย์  อนิสงส์กฐินไม่ขึ้นเป็นแต่เพียงผ้าป่า  แต่ก็ผิดพุทธานุญาตผิดวัตถุประสงค์  ขอให้ท่านสาธุชนทั้งหลายพึงสังเกตให้ดี และเพื่อให้เกิดความเข้าใจ  จะอ้างว่าเป็นประเทศปลายแดนไม่ได้  ถ้าเป็นผ้าป่าได้ก็ไม่เสียหายอะไร  เพียงแต่ทำให้ถูกต้องตามพุทธประสงค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราก็บริสุทธิ์แล้ว

จากหนังสือ  กฐิน วัดป่าเจริญราชธรรมาราม  รวบรวมและเรียบเรียงโดย วีรนนฺโท ภิกขุ


วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

มูลเหตุแห่งการทอดกฐิน

            มีเรื่องกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ในครั้งหนึ่งมีภิกษุจากเมืองปาฐารัฐ (ปาไถยรัฐ) จำนวนสามสิบรูปได้เดินทางมาเพื่อจะเข้าเฝ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี แต่เมื่อเดินทางมาถึงเมืองสาเกต ก็เข้าฤดูฝนพอดี จึงต้องหยุดพักจำพรรษาอยู่ที่นั้น การเดินทางด้วยเท้าไม่มีพาหนะอื่น จึงทำให้การเดินทางของพระภิกษุทั้ง 30 รูป เดินทางได้ช้า จึงไม่สามารถไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทัน ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้วก็รีบเดินทางต่อไปยังเมืองสาวัตถีทันที ในระยะทางประมาณ 6 โยชน์ (ประมาณ 6 กิโลเมตรกว่า) แต่ก็ต้องกรำฝนทนแดดไปตลอดทาง ทำให้สบง จีวรต่างก็เปียกชุ่มโชกด้วยน้ำฝนไปตาม ๆ กัน บางท่านก็จีวรขาดทะลุ และเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม  เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
            เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นความลำบากตรากตรำของพระภิกษุเหล่านั้น ต่อมาจึงเรียกประชุมสงฆ์ และยกเรื่องราวของพระภิกษุทั้ง 30 รูปเป็นเหตุ และทรงมีพระบรมพุทธานุญาตตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาว่าให้พระภิกษุที่จำพรรษาครบไตรมาสให้รับผ้ากฐินเสียก่อน ทั้งนี้เพราะว่าแม้ออกพรรษาแล้วก็ตาม ฝนก็ยังไม่หมดเสียทีเดียว ถ้าไม่มีความจำเป็นมากก็ให้อยู่รับผ้ากฐินเสียก่อนแล้วจึงเดินทางไปยังที่อื่น แล้วทรงกำหนดเวลาอันเป็นเขตของกฐินไว้ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 สามารถรับผ้ากฐินได้ถึงกลางเดือน 12  โดยความจริงแล้วเรื่องผ้ากฐินนั้นเป็นเรื่องของพระภิกษุสงฆ์อย่างเดียวในการทำผ้า เมื่อพระภิกษุได้ผ้ามาจากที่ต่าง ๆ แล้วนำมารวมกันเย็บให้เป็นผืนเดียวแล้วตกลงกันว่าจะมอบจีวรชุดนี้ให้แก่พระภิกษุรูปใด และยอมมอบให้แก่พระภิกษุผู้มีผ้าเก่าที่สุดนำไปใช้นุ่งห่ม  ในธรรมบทภาค 4 กล่าวว่าในครั้งพุทธกาลมีการประชุมใหญ่ในการทำผ้า  เมื่อครั้งพระอนุรุทธะได้ผ้าบังสกุลมา จะทำจีวรเปลี่ยนผ้าครองสำรับเก่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบ พร้อมด้วยพระภิกษุ 500 รูป เสด็จไปประทับเป็นประธานในวันนั้น  พระอสีติมหาสาวกก็ไปร่วมประชุมช่วยทำผ้ากฐิน พระมหากัสสปะนั่งอยู่ต้นผ้า  พระสารีบุตรนั่งอยู่ท่ามกลางผ้า พระอานนท์นั่งอยู่ปลายผ้า  พระภิกษุสงฆ์ช่วยกันกรอด้าย พระบรมศาสดาทรงสนเข็ม พระโมคัลลานะเป็นผู้อุดหนุนกิจทั้งปวง ประชาชนต่างนำสิ่งของไปถวาย เมื่อผ้าทำเสร็จแล้ว จึงประชุมสงฆ์ทำสังฆกรรมเกี่ยวกับผ้ากฐิน  ต่อมาด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ของสังคมในอินเดียมีผู้ศรัทธานำผ้ากฐินมาถวาย  แต่ไมปรากฏนามว่าผู้ใดเป็นผู้ได้ถวายผ้ากฐินเป็นคนแรกที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระบรมพุทธานุญาต

จากหนังสือ  กฐิน  รวบรวมและเรียบเรียงโดย : วีรนนโท ภิกขุ


มลทิพย์ อัฐบริขาร ผ้าไตรจีวร และ สังฆภัณฑ์

สนใจสั่งซื้อผ้าไตรจีวร ตัดเย็บถูกต้องตามหลักพระวินัย เครื่องสังฆภัณฑ์ โทร.08-9559-8771



วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

อานิสงฆ์การถวายสังฆทาน


ขายเบาะนั่งสมาธิ สองชั้นมีพนักพิง

อาสนะสองชั้นมีพนักพิงสำหรับผู้ที่รักการนั่งสมาธิ และปฏิบัติธรรม สะดวกในการนั่ง ทำให้สามารถนั่งได้นานขึ้น พกพาไปได้สะดวกทุกสถานที่ ที่ไปปฏิบัติธรรม และ พับเก็บได้..
ราคาสินค้า ฿ 2,250

รายละเอียดสินค้า 

อาสนะสองชั้นมีพนักพิง รุ่น Stainless 
เบาะหนังสีครีม ขนาด 54 cm *54 cm (~21 นิ้ว) 
นํ้าหนักเบา (2.5 kg) 
วัสดุเป็น PU Foam ไม่ยุบตัว

สนใจสามารถโทรศัพท์สั่งซื้อ หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 08-9559-8771

หรือสั่งซื้อได้ที่  https://moltip.bentoweb.com/

https://www.facebook.com/Moltip.Attaborikan






วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

ตัวอย่างชุดสังฆทาน สั่งจัด

ผู้รักในบุญทุกท่านที่ต้องการจัดชุดสังฆทาน อันปราณีต สวยสด งดงาม ตามแบบฉบับผู้รักบุญ เพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรศีล หรือใช้ในงานบวช งานบุญต่างๆ 

สนใจให้เราบริการ ติดต่อมลทิพย์ ได้ค่ะ เบอร์โทรศัพท์ 089-559-8771 รับจัดชุดสังฆทานตาม Order ค่ะ